เมนู

พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร อุปนิกเขปน-
โต สติ
ได้แก่บุคคลเห็นทรัพย์ที่ตั้งไว้และระลึกได้ถึงทรัพย์นั้น ชื่อว่าอุปนิกเขปนโต สติ ขอ
ถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากร มีพระราชโองการถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่
พระนาคเสนผู้ปรีชา อนุภูตโต สตินั้น เป็นประการใด
พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร อนุภูตโต สติ
นั้น ได้แก่บุคคลระลึกรูปได้ด้วยเคยเห็นรูป จำเสียงได้ด้วยเคยฟัง จำกลิ่นได้ด้วยเคยดม ระลึกรส
ได้ด้วยเคยบริโภค ระลึกซึ่งโผฏฐัพพารมณ์ได้เหตุเคยถูกต้องด้วยกาย และระลึกถึงธรรมเป็น
การละเอียดได้ เ หตุเคยรู้ด้วยจิต อย่างนี้ชื่อว่า อนุภูตโต สติ ขอถวายพระพร สิริถ้วนอาการ
17 เท่านี้
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี ฟังพระนาคเสนแก้ไขดังนี้ ก็มีพระทัยโสมนัสตรัสว่า
กลฺโลสิ พระผู้เป็นเจ้าวิสัชนานี้สมควรแล้ว
สติอาการปัญหา คำรบ 1 จบเท่านี้

วัสสสตปัญหา ที่ 2


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการว่า ภนฺเต ข้าแต่พระ
ผู้เป็นเจ้าผู้ปรีชา ตุมฺเห ภณถ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวถ้อยคำดังนี้ว่า บุคคลผู้ใดทำแต่งบาปอกุศล
จนอายุได้ร้อยปี เมื่อความมรณะมาถึงตัวจะใกล้ตายนั้น มีสติระลึกถึงพระพุทธคุณ ครั้งเดียว
เท่านั้น ครั้นกระทำกาลกิริยาตาย ได้บ่ายหน้าไปบังเกิดในสวรรค์เทวโลก ตกว่าคำนี้ น สทฺท-
หามิ
โยมจะเชื่อหามิได้ นี่ข้อหนึ่ง ยังอีกข้อหนึ่งเล่า พระผู้เป็นเจ้าว่า บุคคลผู้ใดกระทำปาณา-
ติบาตไว้แต่ครั้งเดียว ก็ไปสู่นรก ตกว่าคำ ๆ นี้โยมจะได้เชื่อหามิได้
พระนาคเสนจึงแก้ไขว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร พระองค์
ทรงสันนิษฐานเข้าพระทัยอย่างไร จึงถามฉะนี้ อันบุคคลกระทำการปาณาติบาตกรรมครั้งเดียว
มิได้กระทำการกุศลไว้ ครั้นกระทำกาลกิริยาตายบ่ายหน้าไปเกิดในนรก เปรียบดุจก้อนศิลาอัน
น้อยบุคคลใส่นาวา นาวาก็พาศิลาลอยอยู่เหนือหลังน้ำได้ และศิลานั้นถ้าบุคคลยกหยิบวางลง

ในคงคา ถึงว่าศิลานั้นน้อยก็มิอาจจะลอยอยู่เหนือหลังน้ำได้ หรือว่าศิลาน้อยนั้นจะลอยอยู่ได้
นะบพิตรพระราชสมภาร
พระเจ้ามิลินท์ภูมิทราธิบดี มีพระราชองการตรัสว่า น หิ ภนฺเต ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า
ศิลาน้อยตกน้ำจะลอยอยู่หามิได้
พระนาคเสนจึงซักถามต่อไปว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร ถ้าหากว่า
เอาศิลานับด้วยร้อยเล่มเกวียนบรรทุกไว้ในสำเภาอันใหญ่จะพากันลอยอยู่ได้หรือไม่ นะ
บพิตรพระราชสมภาร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทารธิบดี มีพระราชโองการรับว่า อาม ภนฺเต กระนั้นซิพระผู้เป็น
เจ้า อาจจะพากันลอยอยู่ได้
พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาถวายพระพรว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร
ศิลานั้นปานดุจอกุศลกรรม นาวานั้นดุจกุศลกรรม ถ้ากุศลกรรมมิได้รับรองอยู่แล้ว ก็มิอาจจะ
พาลอยไปได้ ก็จะจมอยู่ในอบายทั้ง 4 ถ้ากุศลกรรมรับรองอยู่แล้วก็จะพาลอยไปได้ เหตุดังนี้
นรชาติมีแต่ว่าจะมาจมลงในสมุทรสาคร เหตุดังนั้นท่านนักปราชญ์แต่ก่อน จึงวิดซึ่งนาวาอันกล่าว
คืออาตมา ให้บางเบาจากอกุศลมิให้เหลือเศษ เข้าสู่ศิเวศมหานครเมืองแก้วอันเกษมศานต์
คืออมตมหานิพพาน ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นกษัตริย์ได้ทรงฟังพระนาคเสนองค์พระอรหันต์วิสัชนาแก้ไข
มีน้ำพระทัยโสมนัสตรัสว่า กลฺโลสิ พระผู้เป็นเจ้าวิสัชนานี้สมควร
วัสสสตปัญหา คำรบ 2 จบเท่านี้

อนาคตปัญหา ที่ 3


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมิทราธิบดี มีพระราชโองการถามว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชาญาณ ตุมฺเห วายมถ ทุกวันนี้พระผู้เป็นเจ้าพยายามกระทำความ
เพียรเพื่อจะให้บรรเทาทุกข์ อันเป็นอดีตที่ล่วงลับไปนั้นหรือประการใด
พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ดูรานะบพิตรผู้เป็นมหิศราธิบดี อาตมานี้จะ